เคบาย่า คืออะไร?

เคบาย่าเป็นเสื้อของสตรีพื้นเมืองแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และภาคใต้ของประเทศไทย ยังเป็นที่นิยมในบางพื้นที่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์และกัมพูชา เป็นเสื้อคลุมตัวนอกมีชายเสื้อเปิดด้านหน้าไม่นิยมใส่กระดุมแต่จะยึดด้วยเข็มกลัดเดี่ยวตามช่องหรือพวงเข็มกลัดแม่ลูกที่เรียกว่า “โก่สั้ง” สวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ ชาวมลายูจึงนิยมเรียกว่า “ซารอง เคบาย่า(Sarong Kebaya)” เคบาย่านิยมตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าชนิดต่างๆที่ให้น้ำหนักเบาสวมใส่สบายและดูสง่างาม ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลูกไม้ผ้าเนื้อโปร่ง มักประดับตกแต่งด้วยงานปัก ฉลุ ด้วยเคบาย่าเป็นที่นิยมสวมใส่ในหลากหลายชุมชนเป็นพื้นที่กว้างและสืบทอดยาวนานกันมากว่า ๓๐๐ ปี เคบาย่าในแต่ละชุมชนจึงได้มีการพัฒนาสร้างสรรค์ก่อเกิดวิวัฒนาการที่แตกต่างกันได้หลายรุ่นหลายรูปแบบ

ศัพทมูลวิทยา

เคบาย่า (Kebaya) สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “Qaba” เป็นภาษาอาหรับระบุในพจนานุกรมฮอบสันจาคอบในปี พ.ศ.๒๔๒๙ แปลว่า “เสื้อ” เดิมเป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า “เสื้อแห่งเกียรติ” ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ชาวโปรตุเกสใช้คำว่า “Cabaya” ในการเรียกเชือกเส้นยาวของชาวมุสลิม ชาวโปรตุเกสได้เข้ามาปกครองแหลมมลายูเปิดเส้นทางการค้าทางทะเลสู่อินเดียและอาหรับ ได้นำวัฒนธรรมการสวมเสื้อคลุมยาวมาเผยแพร่ที่ต่อมาเรียกเป็นภาษามลายูว่า “Kebaya”

กำเนิดและวิวัฒนาการของเคบาย่า

เคบาย่ากำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่ ๑๖ ชาวโปรตุเกสที่เป็นผู้นำบุรุษได้สวมเสื้อคลุมยาวเรียก Caba หรือ Cabaya เผยแพร่ชุดนี้มายังอินเดีย เมื่อโปรตุเกสยึดเมืองกัว(Gao)ในปี พ.ศ.๒๐๕๓ และยึดมะละกาในปี พ.ศ.๒๐๕๔ จึงนำชุดนี้มาเผยแพร่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในยุคนั้นเป็นที่นิยมสวมใส่ทั้งบุรุษและสตรี

ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ ชาวมุสลิมในแหลมมลายูได้ประดิษฐ์ชุด Baju Kurung ที่มีชายยาวปกปิดร่างกายมิดชิดเป็นที่นิยมในหมู่สตรีมุสลิมจนเป็นชุดประจำชาติของมาเลเซียในปัจจุบัน ราวศตวรรษที่๑๗ เมื่อเนเธอแลนด์ได้เปิดเส้นทางสินค้าผ้าลูกไม้จากยุโรปผ่านอินเดียมายังมลายู สตรีชาวยุโรปที่มาอาศัยในคาบสมุทรมลายูเริ่มใช้ผ้าฝ้ายเนื้อบางและมีการนำลายลูกไม้(Lace) เข้ามาประดับตกแต่ง ช่วงกลางศตวรรษที่ ๑๙ สตรีชาวดัตช์นิยมสวมใส่ชุดเคบาย่าเนื้อบางจากผ้าฝ้ายสีขาวผสมผสานลายลูกไม้กับผ้าถุงที่ผลิตในแถบมลายู โดยยังมีข้อห้ามต่อสตรีบางกลุ่ม ด้วยประสงค์ให้สามารถแบ่งแยกชาติพันธุ์ในที่สาธารณะได้ เคบาย่าจึงสวมใส่เฉพาะหมู่สตรีพื้นเมืองชาวอินโดนีเซียและชาวยุโรปเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๕๓ (ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ ๕) ได้มีประกาศของผู้ปกครองในมลายูอนุญาตให้สตรีเพอรานากันที่มีฐานะสวมใส่ชุดเคบาย่าได้ สตรีเพอรานากันไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการแต่งกายในสังคมดั่งสตรีมุสลิม จึงดัดแปลงแบบชุดเคบาย่าให้ใช้เนื้อผ้าโปร่งบางสวมใส่สบาย มีชายเสื้อหดสั้นลงและรัดรูปเข้าเอวสะโพกมากขึ้น รวมถึงประดับตกแต่งชุดเคบาย่าด้วยลวดลายความเชื่อแบบจีนมาผสมผสานลวดลายผ้าลูกไม้จากยุโรป เคบาย่าแบบสั้นเริ่มเป็นที่นิยมและก่อเกิดเคบาย่าชนิดต่างๆตามมา

เคบาย่าเป็นเสื้อที่ตัดจากผ้าเนื้อบาง โปร่ง ไม่มีกระดุม แต่กลัดด้วยชุดกระดุมเข็มกลัดที่เรียกว่า หรือ “โก่สั้ง (Kerongsang)” รุ่นแรกๆจะมีแขนเสื้อยาวถึงข้อมือ ปัจจุบันสตรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิยมเรียกเคบาย่าสำหรับรุ่นที่ชายเสื้อด้านล่างยาวระดับเอว แต่มีชายแหลมยาวเลยลงมาต้นขา เคบาย่านิยมใส่เป็นเสื้อคลุมตัวนอก สวมเสื้อตัวในหรือชุดชั้นในขนาดใหญ่ไว้ด้านในก่อเกิดมิติของศิลปะ เคบาย่ามีวิวัฒนาการหลากหลายแบบในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตามชุดต้นแบบคือ ชุดครุยยาว ( Baju Panjang) ก็ยังได้รับนิยมตัดเป็นชุดเจ้าสาวและสวมใส่ในผู้สูงอายุ

เคบาย่าชนิดต่างๆ

Baju Panjang ชุดต้นแบบเคบาย่า

ชุดต้นแบบ Baju Panjang Baju แปลว่า“เสื้อ” Panjang แปลว่า“ยาว” ไทยเรียกชุด “ครุยยาว”จัดเป็นเคบาย่าแบบยาวเลยเข่าลงมาระดับแข้งเว้นประมาณ ๒๐-๓๐ เซนติเมตรให้เห็นชายผ้าถุงและรองเท้าปักแสดงลวดลายสวยงามที่เข้ากัน เคบาย่าจะเป็นเสื้อคลุมตัวนอกทำจากเนื้อผ้าจะใช้ผ้าทึบหรือโปร่งก็ได้แต่ให้มีน้ำหนักเบา ด้านในจะสวมชุดคอตั้งแขนจีบที่มีเนื้อผ้าบางปกคลุมชุดชั้นใน ชุดครุยยาวมักมีคอรูปตัววี ทำให้คอเสื้อตัวใน(คอตั้งแขนจีบ)ที่นิยมเป็นสีอ่อนโผล่ขึ้นโดยรอบคอประมาณ ๔-๕ เซนติเมตรแสดงความสุภาพ แขนเสื้อยาวถึงข้อมือ ขอบเสื้อบางชิ้นอาจจะตกแต่งด้วยริบบิ้นขนกระต่าย กลัดด้านหน้าด้วยกระดุมโกสังตัวใหญ่กลัดระดับคอตรงมุมตัววี ตัวลูกก็ไล่ลงระดับอก บางท่านอาจสวมใส่สร้อยคอร่วมด้วย ผู้สวมใส่ชุดนี้จะนิยมทำผมชะอีโบย สวมมงกุฎดอกไม้ไหวหรือสวมมงกุฎไข่มุก เหน็บต่างหู นิ้วสวมแหวน ถือผ้าเช็ดหน้า สวมรองเท้าปักด้วยลูกปัดหลากสีสัน ชุดครุยยาวนิยมสวมใส่ในสตรีสูงวัยที่ภูมิฐานและเป็นชุดสำคัญของเจ้าสาวในพิธีแต่งงาน

ต่อมาสตรีเพอรานากันได้ปรับแบบชุดครุยยาวให้ชายเสื้อสั้นลงเทียมเอวโดยรูปลักษณ์ส่วนอื่นยังคงเช่นเดิม เรียกว่าชุด “ครุยสั้น”หรือ“ครุยท่อน” เครื่องประดับที่เด่น แสดงให้เห็นก็คือ เข็มขัดรอบเอว และ ถุงเงินถุงทองที่คาดห้อยติดกัน แสดงให้เห็นฐานะความร่ำรวยของสตรีผู้สวมใส่ ยังแสดงความงดงามของผ้าถุง หรือ ปาเต๊ะได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงให้ความคล่องตัวยามเคลื่อนไหวมากขึ้น ชุดครุยท่อนเป็นที่นิยมอย่างมากของสตรีแถบอันดามันของประเทศไทย ในยุค พ.ศ.๒๔๕๐-๗๐ ช่วงสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เป็นสมุหเทศาภิบาล จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๗

ยุคของชุดเคบาย่ามลายู

ในประเทศอินโดนีเซียเมื่อย่างเข้าศตวรรษที่ ๑๙ สตรีชาวดัตช์เจ้าอาณานิคมได้ตัดเย็บเคบาย่าสั้นระดับสะโพกประดับด้วยผ้าลูกไม้จากยุโรป ถือเป็นชุดของสตรีในหมู่คนชั้นสูงเท่านั้น ต่อมามีการอนุญาตจากเจ้าอาณานิคมให้สตรีเพอรานากันสวมใส่ชุดเคบาย่าได้ สตรีเพอรานากันจึงได้นำเสื้อเคบาย่ามาปรับโครงสร้างชุดให้รัดรูปและสั้นลงเทียมเอว เนื้อผ้าโปร่งบาง ชายเสื้อด้านล่างทำให้แหลมยาวลงมาถึงต้นขา สวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ เกิดการนำลวดลายมาเพิ่มเติมจากเพียงลายลูกไม้ที่สตรีดัตช์ตัดเย็บด้วยการนำลายฉลุมาประดิษฐ์ประดอยเพิ่มให้เกิดความสวยงามและมีมงคล เรียกว่า Kebaya Encim (สตรีเพอรานากันจีน) ถือเป็นต้นแบบของเคบาย่ายุคใหม่แล้วได้เกิดการเรียกเคบาย่ายุคต่อมาตามลักษณะการประดับตกแต่ง หรือสถานที่ที่ให้กำเนิดลวดลาย ได้แก่ Kebaya Sulam , Kebaya Biku ,Kebaya Renda , Kebaya Keranchang , Kebaya Kerawang เป็นต้น

เคบาย่าในประเทศไทย

สตรีสยามเริ่มปฏิรูปการแต่งกายอย่างชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ ๕ เริ่มในสตรีชั้นสูงที่ตัดเสื้อผ้าแบบยุโรป ประดับขอบเสื้อด้วยผ้าลูกไม้ ขณะที่สตรีทั่วไปยังนิยมนุ่งกระโจมอก หรือไม่สวมเสื้อ ทางภาคใต้ฝั่งอันดามันสตรีที่ร่ำรวยโดยเฉพาะพวกเพอรานากันในภูเก็ต พังงา ตรัง ระนอง กระบี่ สตูล ได้รับอิทธิพลการแต่งกายจากเมืองปีนังที่ขณะนั้นอยู่ในอาณัติอังกฤษ และเป็นคู่ค้าแร่ดีบุกและยางพาราที่สำคัญกับสยามผ่านทางเรือ เสื้อเคบาย่าจึงเป็นวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดมายังสยามอันดามัน รวมถึงผ้านุ่งปาเต๊ะ ผ้าเช็ดหน้าและเครื่องประดับที่ไว้สวมคู่กัน ในสมัยนั้นสตรีแถบอันดามันของสยามยังนิยมใช้เสื้อตัวในที่มีแขนยาวมาสวมใส่โดยไม่ต้องมีชุดครุยยาวมาคลุม เสื้อตัวในส่วนใหญ่สีขาวหรือสีอ่อนเรียกกันว่า “ชุดคอตั้งแขนจีบ” ด้วยมีปกคอตั้งสูง กลัดกระดุมทองหรือ “กิ่มตู้น” แขนยาวปลายจีบที่ข้อมือ คาดเข็มขัดรอบเอวที่ทำจากโลหะมีค่า และถุงเงินถุงทอง บางท่านเหน็บกุญแจพวงใหญ่แสดงฐานะเจ้าของบ้านหรือเจ้าของกิจการใหญ่ ชุดคอตั้งแขนจีบเป็นที่นิยมตราบจนปัจจุบัน เพราะสวมใส่สบาย ไม่ร้อน และสง่างาม ไม่จำเป็นต้องเกล้าผมเช่นครุยยาว ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองการติดต่อระหว่างภาคใต้ของประเทศไทยและเมืองปีนังได้ขาดช่วงไประยะหนึ่ง หลังสงครามโลกราวปี พ.ศ.๒๔๘๔ รัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนาตามหลักสากลตะวันตก มีการรณรงค์สวมหมวกและเสื้อแบบฝรั่ง นุ่งผ้าถุง สตรีแถบอันดามันของไทยเปลี่ยนชุดแต่งงานเป็นชุดราตรีกระโปรงยาวแบบฝรั่ง เรียกว่า “ชุดบุ่นเบ๋ง” ต่อมาเมื่อการคมนาคมทางบกระหว่างภาคใต้สู่กรุงเทพมหานครพัฒนาขึ้น สตรีอันดามันได้เลือกซื้อผ้าลูกไม้จากย่านสำเพ็ง แล้วนำไปเย็บต่อทั้งตัว รูปทรงยังคล้ายเสื้อเคบาย่า เกิดชุดที่มีวิวัฒนาการใหม่เรียกว่า “ชุดลูกไม้ต่อดอก” สวมใส่กับเสื้อชั้นในตัวใหญ่สีเดียวกัน ชายเสื้อเทียมเอว มีทั้งแขนสั้นและแขนยาว ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมสวมใส่ออกนอกบ้านของสตรีที่สูงอายุในแถบอันดามันของไทย

ความสำคัญของเคบาย่า ความนิยมและการปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

เคบาย่าถือเป็นเสื้อที่กำเนิดจากวัฒนธรรมการแต่งกายร่วมกันของชาวยุโรป ชาวมุสลิม เพอรานากันจีนเพอรานากันอินเดียในคาบสมุทรมลายูและชาวภาคใต้กว่า ๓๐๐ปี เป็นการผสมผสานการออกแบบและดัดแปลงด้วยเทคนิคและทักษะเฉพาะของแต่ละชุมชน ทั้งชาวโปรตุเกส ชาวดัตช์ ชาวมุสลิม ชาวจีนและชาวเพอรานากัน แม้กำเนิดจากชุดครุยยาวแต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เกิดวิวัฒนาการที่แตกต่างกันในรายละเอียดแต่ละพื้นที่ ทั้งที่เป็นชุดครุยท่อน ชุดเคบาย่าสั้น ลูกไม้ต่อดอกของไทย ปัจจุบันเคบาย่าได้รับการยกย่องว่าเป็นชุดทางวัฒนธรรมของหลายประเทศ ของชุมชนชาวเพอรานากันและชุมชนมุสลิม ประกอบด้วยความสวยงาม ความสง่า ความล้ำค่าในงานประดิษฐ์ของแต่ละท้องถิ่นที่สื่อถึงความเชื่อ ความเป็นมงคล ได้แก่ การประดับผ้าลูกไม้ การปักฉลุ ชุดกระดุมโกสัง ปิ่นประดับ สร้อยคอ เข็มขัดเอว รองเท้าปัก เป็นต้น ถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมห้าประเทศที่ควรส่งเสริมให้สืบทอดสู่รุ่นลูกหลาน แต่ละชุมชนควรปกป้องอนุรักษ์ความรู้ เทคนิคฝีมือช่าง ธรรมเนียมและการปฏิบัติผ่านความร่วมมือของทั้งภาคประชาสังคมและสถาบันฝีมือช่าง และควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับอีกสี่ประเทศพี่น้องด้วยความสัมพันธ์อันดีงาม

ตารางแสดงชุดเคบาย่าชนิดต่างๆ

ประเภท

โครงสร้าง

เนื้อผ้า

สี

งานปัก

เครื่องประดับและธรรมเนียม

ชุดครุยยาว

 

ชุดเจ้าสาวกู่ข้วน(๑)

๑.กู่ข้วน มาจากภาษาจีน

“กู่” แปลว่า “เก่า” “ข้วน” แปลว่า “แบบ”

จึงแปลว่า รูปแบบเก่า

เสื้อคลุมยาวระดับน่องเหนือชายผ้าปาเตะประมาณ๑คืบ(๒)

ไม่เข้ารูป

คอรูปตัววี ไม่มีปก

แขนยาวเรียวสอบจรดข้อมือ

เปิดด้านหน้าไม่มีกระดุม

สวมเสื้อตัวในเป็นเสื้อคอตั้ง

 

(๒)สมัยก่อนหายาก จึงเป็นชุดยืมใส่ขนาดจึงอาจไม่ลงตัวทีเดียว

ผ้าแพรปักดิ้น


ยุคแรก

ผ้าแพรเนื้อหนา(ปังลิ้น)

—————–

ยุคต่อมา

ผ้าต่วน

ผ้าป่านรูเบีย(ออแกนดี้หรือ

ผ้าเนื้อบาง)

ผ้าซาติน

สีมงคล ชมพูอ่อน

เขียวไข่กา

————

สีมงคลแต่ไม่นิยมสีม่วง สีน้ำเงิน

ส่วนสีแดงสมัยนั้นยังผลิตไม่ได้

(ตามฐานะ)

มีทั้งปักและไม่ปัก

(งานปักดิ้นทอง

ลวดลายดอกไม้หรือสัตว์มงคล

ประดับขนกระต่าย

หรือปักเลื่อมให้เกิดความแวววาว)

โก่สั้งแม่ลูก

ปิ่นตั้ง

เข็มกลัดเพชร

สร้อยคอยาวหลายเส้นใส่ลดหลั่นลงมาตามลำดับ

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่นๆ

ต่างหูระย้า

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

ทรงผมชักอีโบย

หั่วก๋วน(มงกุฎดอกไม้ไหว)

ปิ่นปักผม

(ในอดีตไม่นิยมใส่สร้อยหลั่นเต่ป๋ายไว้ด้านหน้าแต่จะใส่ไว้ด้านหลัง
ยุคพ.ศ.2500ใส่หลั่นเต่ป๋ายหรือ

หลั่นเต่ป๋ายห้อยด้วยหั่วหนา)

ครุยยาว

(ตึ่งซ๊า หรือ Baju Panjang)

เสื้อคลุมยาวระดับน่องเหนือชายผ้าปาเตะประมาณ๑คืบ

ไม่เข้ารูป

คอรูปตัววี ไม่มีปก

แขนยาวเรียวสอบถึงข้อมือ

เปิดด้านหน้าไม่มีกระดุม

ส่วนใหญ่นิยมสวมเสื้อตัวในเป็นเสื้อคอตั้ง

-ผ้าฝ้ายพิมพ์ลายจาก

อินโดนีเซีย

-ผ้าฝ้ายพื้น

—————–

-ผ้าฝ้ายลายสก๊อต

-ผ้าแพร

—————-

-ผ้าป่านรูเบีย(ออแกนดี้หรือ

ผ้าเนื้อบาง)

แดงเลือดหมู

น้ำตาลอิฐ

ดำ

————-

หลากสี

————–

ปักด้วยเส้นฝ้ายเป็นรูปสัตว์หรือดอกไม้เล็กๆ

โก่สั้งแม่ลูก

สร้อยคอ

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่น

ต่างหูหัวชุม/หางหงส์

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

ทรงผมชักอีโบย

มงกุฎลูกปัด หรือมาลัยดอกไม้(ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

ปิ่นปักผม

นิยมถือหรือเหน็บผ้าเช็ดหน้า

ครุยสั้น (หรือ ครุยท่อน )

เสื้อคลุมยาวถึงสะโพกบน

ไม่เข้ารูป

คอรูปตัววี ไม่มีปก

แขนยาวเรียวสอบถึงข้อมือ

เปิดด้านหน้าไม่มีกระดุม

มีชายผ้าสองแบบคือชายตรงหรือชายแหลมเล็กน้อย

-ผ้าป่านรูเบีย(ออแกนดี้หรือ

ผ้าเนื้อบาง)

หลากสี

เนื้อผ้ามีการปักลายในตัวด้วยเส้นฝ้ายเป็นรูปสัตว์หรือดอกไม้เล็กๆ

โก่สั้งแม่ลูกหรือปิ่นตั้ง

สร้อยคอ

ต่างหูหัวชุม/ดอกพิกุล/หางหงส์

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

ทรงผมชักอีโบยหรือเกล้ามวยต่ำ

มงกุฎลูกปัด หรือมาลัยดอกไม้(ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

ปิ่นปักผม

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่นๆ

เข็มขัดเงิน ทอง นาก

กระเป๋าถักเงิน หรือทอง

ผ้าเช็ดหน้า

เสื้อคอตั้ง

เสื้อยาวถึงสะโพกบน ผ่าหน้า เจาะรังกระดุมด้านหน้า ไม่เข้ารูป

คอเสื้อสูงประมาณ ๕ เซนติเมตร

มีกระเป๋าใบใหญ่สองข้าง

มีแขนสองแบบคือ

๑.แขนจีบลักษณะเป็นแขนยาวจรดข้อมือรวบจีบ

๒.แขนทรงกระบอก

-ผ้าฝ้าย

-ผ้าป่านรูเบีย(ออแกนดี้หรือ

ผ้าเนื้อบาง)

หลากสี

ชายเสื้อนิยมcutwork หรือประดับลูกไม้

สร้อยคอห้อยจี้ปิ่นตั้ง

/จี้กิมตู้น/จี้หั่วหนา/จี้ทรงอื่นๆ

กิมตู้น(กระดุมเหรียญทอง)

หรือกระดุมอื่นๆ

สร้อยข้อมือ

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่น

ปิ่นปักผม

ต่างหูหัวชุม/ดอกพิกุล/หางหงส์

เข็มขัดทอง เงิน นาก

(ไม่นิยมติดเข็มกลัด)

เสื้อคอกลม

(เสื้ออาจ้อ)

เสื้อคอกลมยาวถึงสะโพกบน ผ่าหน้า เจาะรังกระดุมด้านหน้า ไม่เข้ารูป

แขนสามส่วน(คลุมถึงข้อศอก)หรือสี่ส่วน(เลยศอก)

มีกระเป๋าใบใหญ่สองข้าง

-ผ้าฝ้าย

-ผ้าป่านรูเบีย(ออแกนดี้หรือ

ผ้าเนื้อบาง)

หลากสี

บ้างประดับด้วยริบบิ้นลูกไม้

สร้อยคอห้อยจี้

กิมตู้น(กระดุมเหรียญทอง)หรือ

กระดุมอื่นๆ

สร้อยข้อมือ

แหวน

ปิ่นปักผม

ต่างหู

เข็มขัดทอง เงิน นาก

(ในอดีตนิยมสำหรับสตรีสูงอายุ ปัจจุบันใส่ได้ทุกวัย)

เคบาย่า

(ปั่วตึ่งเต่/เสื้อย่าหยา)

เคบาย่าลินดา

(ลันด๊า)

(Rendaภาษาสเปนแปลว่า ลูกไม้)

เสื้อคอแหลมผ่าหน้าตลอดชายเสื้อด้านหน้าแหลม ด้านหลังคลุมสะโพกบน

เสื้อขนานลำตัวไม่เข้ารูป

แขนยาว

-ผ้าป่านรูเบีย

(ออแกนดี้หรือผ้าเนื้อบาง)

-ผ้าต่วน

-ผ้าแพร

หลากสี

ประดับชายเสื้อและปลายแขนด้วยริบบิ้นลูกไม้

โก่สั้งแม่ลูกหรือเข็มกลัดชุดสามตัว(โกสังหลั่นไต๋)รูปทรงต่างๆหรือปิ่นตั้ง

สร้อยคอหรือหลั่นเต่ป๋าย

ต่างหูหัวชุม/ดอกพิกุล/หางหงส์/ระย้า

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่น

เข็มขัดทอง เงิน นาก

เคบาย่าบีกู

เสื้อคอแหลมผ่าหน้าตลอดชายเสื้อด้านหน้าแหลม ด้านหลังคลุมสะโพกบน

เข้ารูป

แขนยาว

ผ้าป่านรูเบีย

(ออแกนดี้หรือผ้าเนื้อบาง)

หลากสี

ริมชายเสื้อ สาบเสื้อและแขนปักฉลุเล็กๆ(cutwork) นิยมลายโค้งเว้า หรือลายหอยแครง

เข็มกลัดชุดสามตัว(โก่สั้งหลั่นไต๋)รูปทรงต่างๆ

ปิ่นตั้ง

(ไม่นิยมใส่แม่ลูก)

สร้อยคอหรือหลั่นเต่ป๋าย

ต่างหูหัวชุม/ดอกพิกุล/หางหงส์/ระย้า

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่น

เข็มขัดทอง เงิน นาก

เคบาย่าซูแลม

เสื้อคอแหลมผ่าหน้าตลอดชายเสื้อด้านหน้าแหลม ด้านหลังคลุมสะโพกบน

เข้ารูป

แขนยาวเรียว

เข้ารูปทรง

ด้านหลังและด้านหน้าต่างกันประมาณ๗นิ้ว

ผ้าป่านรูเบีย

(ออแกนดี้หรือผ้าเนื้อบาง)

หลากสี

ชายเสื้อ สาบเสื้อและปลายแขน

ปักฉลุลวดลายที่วิจิตรซับซ้อน

(นิยมปักลวดลายเป็นแนวสามเหลี่ยมบริเวณชายเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้างและด้านหลัง)

เข็มกลัดชุดสามตัว(โก่สั้งหลั่นไต๋)รูปทรงต่างๆ

ปิ่นตั้ง

สร้อยคอ

หลั่นเต่ป๋าย

ต่างหูหัวชุม/ดอกพิกุล/หางหงส์/ระย้า

กำไลข้อมือ

กำไลข้อเท้า

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่นๆ

เข็มขัดทอง เงิน นาก

ลูกไม้

(ภาคใต้ประเทศไทยหลัง WWII)

ลูกไม้ต่อดอก

เสื้อคอวี คอสี่เหลี่ยมหรือคอกลมยาวระดับสะโพกบน

แขนสั้นหรือสามส่วน

เข้ารูป

ตัวเสื้อผ่าหน้าติดกระดุมแป๊ก หรือเป็นเสื้อสวม

ชุดนี้ขึ้นกับความแพงของลูกไม้จึงมีราคาแตกต่างกันมาก

ผ้าลูกไม้

หลากสี

เย็บด้วยมือใช้วิธีการสอยประกบดอกลูกไม้ ไม่มีตะเข็บ ไม่ใช้จักรเย็บผ้า

สร้อยคอห้อยจี้ปิ่นตั้ง

/จี้กิมตู้น/จี้หั่วหนา/จี้ทรงอื่นๆ

สร้อยข้อมือ

แหวนบาเย๊ะและแหวนทรงอื่น

ดัดผมแบบสากล

ต่างหูหัวชุม/หางหงส์

เข็มขัดทอง เงิน นาก

บรรณานุกรม (Reference)

  • William Gwee Thian Hock. A Baba Malay Dictionary. Tuttle Publishing. The Peranakan Association. Singapore, 2006
  • Datin Seri Endon Mahmood. The Nyonya Kebaya : A Century of Straits Chinese Costume. Periplus. Singapore, 2004
  • ฤดี ภูมิภูถาวร.การแต่งกายผู้หญิงบาบ๋าภูเก็ต.บริษัทเอสพริ้นท์ (2004) จำกัด.สมาคมเพอรานากัน.ภูเก็ต,2547
  • Lillian Tong. Straits Chinese Gold Jewellery. Pinang Peranakan Mansion Sdn Bsd. Eastern Printers Sdn Bsd. Malaysia,2014
  • Randall Ea. David A. Henkel. Heidi Tan. Peranakan Museum A-Z. Asian Civilization Museum for the Peranakan Museum. KHL Printing. Singapore,2008
  • Linda Chee. Being Baba. Selected Articles from the Peranakan Museum. The Peranakan Association Singapore. Craft Print Pte Ltd. Singapore,2015